S O C I A L   N E T W O R K
A b o u t   S o c a i l n e t w o r k
Social Networking นั้นเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความร่วมมือกัน การแบ่งปัน การแลก
เปลี่ยนความรู้ ข้อมูล ข่าวสาร ความบันเทิง เป็นเครือข่ายระหว่างหน่วยเล็กๆ ที่เชื่อมโยงกันจนเกิดเป็นสังคมออนไลน์ขนาดใหญ่ ที่ได้เปลี่ยนวิถีทางในการเปลี่ยนแปลงโลกของเรา และเราก็สามารถนำ Social Network มาสร้างประโยชน์ให้กับธุรกิจของเราได้อีกด้วย
  • social network คืออะไรและมีจุดเริ่มต้นอย่างไร?
  • องค์ประกอบของเครือข่ายทางสังคมออนไลน์
  • บทบาทและประโยชน์ของ Social Network
  • Social Networkในยุคอินเทอร์เน็ต2.0และก้าวสู่ข่าวสารที่เปลี่ยนไป
  • ตัวอย่างเว็บไซต์และบริการที่มีลักษณะ Social Network
  • ข้อดี-ข้อเสียของ social network
  • สาระความรู้เกี่ยวกับสังคมออนไลน์

  • S o c a i l N e t w o r k คื อะ ?
    Social Network คือ สังคมออนไลน์ที่จะช่วยให้คุณหาเพื่อนบนโลกอินเตอร์เนทได้
    ง่าย ๆเราสามารถที่จะสร้างพื้นที่ส่วนตัวขึ้นมา เพื่อแนะนำตัวเองได้ หรือหมายถึงการที่ผู้คนสามารถทำความรู้จัก และเชื่อมโยงกันในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง หากเป็นเว็บไซต์ที่เรียกว่าเป็น เว็บ Social Network ก็คือเว็บไซต์ที่เชื่อมโยงผู้คนไว้ด้วยกันนั่นเอง ตัวอย่างของเว็บประเภทที่เป็น Social Network เช่น Digg.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่เรียกได้ว่าเป็น Social Bookmark ที่ได้รับความนิยมอีกแห่งหนึ่ง และเหมาะมาก ที่จะนำมาเป็นตัวอย่าง เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น โดยในเว็บไซต์ Digg นี้ ผู้คนจะช่วยกันแนะนำ url ที่น่าสนใจเข้ามาในเว็บ และผู้อ่านก็จะมาช่วยกันให้คะแนน url หรือข่าวนั้น ๆ เป็นต้น สำหรับตัวอย่าง Social Network อื่น ๆ เช่น Hi5 หรือว่า Facebook ซึ่งเรียกได้ว่าเป็น social network เต็มรูปแบบอีกอย่างหนึ่ง ที่ให้ผู้คนได้มามีพื้นที่ ได้ทำความรู้จักกันโดยเลือกได้ว่า ต้องการทำความรู้จักกับใคร หรือเป็นเพื่อนกับใคร
    กลับสู่ด้านบน

    จุ ริ่ ต้ S o c i a l .. N e t w o r k
    จุดเริ่มต้นของ Social Network ข้อมูลจาก Wikipedia.org ได้กล่าวถึง Social
    Networking ว่ามีจุดเริ่มต้นจากเว็บ Classmates.com(1995)และเว็บ SixDegrees.com(1997)ซึ่งเป็นเว็บที่จำกัดการใช้งานเฉพาะนักเรียนที่เรียนในโรงเรียนเดียวกัน เพื่อสร้างประวัติข้อมูล ติดต่อสื่อสาร ส่งข้อความ และแลกเปลี่ยนข้อมูลที่สนใจร่วมกันระหว่างเพื่อนในลิสต์เท่านั้น ต่อมาเว็บ Epinions.com (1999)ก็เกิดขึ้นจากการพัฒนาของ Jonathan Bishop โดยได้เพิ่มในส่วนของการที่ผู้ใช้สามารถควบคุมเนื้อหาและติดต่อถึงกันได้ ไม่เพียงแต่เพื่อนในลิสต์เท่านั้น นับได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของ Social Networking ทั้งหลายที่ก่อกำเนิดต่อมา เช่น MySpace,Googleและ Facebook เป็นต้น แต่ดูเหมือนว่า Facebook จะมาแรงกว่าเพื่อนด้วยการเพิ่ม applications ต่างๆมากมายในปี 2007 แม้แต่ Starbuck ก็ยังขอมีส่วนร่วมในการโฆษณาและทำการตลาดให้กับสินค้าด้วยการสร้าง Widget สำหรับผู้ใช้ Facebook ด้วยการส่งกาแฟเมนูต่างๆให้กับเพื่อนในเครือข่ายและยังเป็นพื้นที่ที่หลายแบรนด์ดังระดับโลกหมายปองจะขอเข้ามามีส่วนร่วม
    กลับสู่ด้านบน

    ค์ ระ สั น์
    มีนักวิชาการหรือผู้รู้ได้กำหนดองค์ประกอบของเครือข่ายทางสังคมไว้หลายแนวทาง
    ซึ่งผู้เขียนขอเสนอโดยสังเขป ดังนี้
    พระ มหาสุทิตย์ อาภากโร (2547 : 48-49) กล่าวว่าองค์ประกอบที่สำคัญของความเป็นเครือข่าย ประกอบด้วย
    (1) หน่วยชีวิตหรือสมาชิก
    (2) จุดมุ่งหมาย
    (3) การทำหน้าที่อย่างมีจิตสำนึก
    (4) การมีส่วนร่วมและการแลกเปลี่ยน
    (5) ระบบความสัมพันธ์และการสื่อสาร
    เกรียง ศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ (2543 : 36-43) กล่าวถึงองค์ประกอบที่สำคัญของเครือข่าย ว่ามีอยู่ 7 ประการ ประกอบด้วย
    (1) การรับรู้มุมมองร่วมกัน
    (2) การมีวิสัยทัศน์ร่วมกัน
    (3) การมีผลประโยชน์และความสนใจร่วมกัน
    (4) การมีส่วนร่วมของสมาชิกเครือข่ายอย่างกว้างขวาง
    (5) มีกระบวนการเสริมสร้างซึ่งกันและกัน
    (6) มีการพึ่งอิงร่วมกัน และ
    (7) การมีปฏิสัมพันธ์เชิงแลกเปลี่ยน
    Waner (อ้างถึงในปาริชาติ สถาปิตานนท์ และชัยวัฒน์ ถิระพันธ์, 2546 : 9) กล่าวถึงองค์ประกอบของเครือข่าย โดยใช้ตัวอักษรย่อภาษาอังกฤษ คือ LINK ซึ่งประกอบด้วย
    (1) การเรียนรู้ (Learning)
    (2) การลงทุน (Investing)
    (3) การดูแล (Nursing) และ
    (4) การรักษา (Keeping)
    สรุปได้ว่า องค์ประกอบของเครือข่ายทางสังคม ประกอบด้วย
    (1) สมาชิกของเครือข่าย
    (2) มีจุดมุ่งหมายร่วมกัน
    (3) การปฏิบัติหน้าที่ของสมาชิกในเครือข่าย
    (4) การสื่อสารภายในเครือข่าย
    (5) การมีปฏิสัมพันธ์เชิงแลกเปลี่ยน
    กลับสู่ด้านบน

    บา ยี W e b 2.0 สั น์
    จากจุดเริ่มต้นดังกล่าวประกอบกับเทคโนโลยี Web 2.0 ที่เป็นการรวมเทคโนโลยี
    และโปรแกรมต่างๆเข้าด้วยกันในการสร้างเว็บไซต์ เช่น AJAX สำหรับการสร้าง userinterface ที่สามารถใช้งานได้ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้นบนเว็บ, Flash ที่เน้น Interactive สื่อสารระหว่างกัน, Blog ที่ผู้ใช้มีส่วนร่วมในการสร้างเนื้อหา, Feeds ที่ช่วยในการติดตามข่าวสารข้อมูลความเคลื่อนไหวของเว็บไซต์ต่างๆอย่างเกาะ ติดทุกความเคลื่อนไหวกันเลยทีเดียว เป็นต้น เรียกได้ว่าเป็นยุคแห่ง Personal on Demand ที่ใครก็สามารถสร้างเนื้อหา ควบคุม กำหนดทิศทางได้ แม้แต่นิตยสาร Time ยังยกย่องให้คุณ (You) หรือคนเล่นเน็ตยุคเว็บ 2.0 เป็นบุคคลแห่งปี 2006 และด้วยความต้องการที่มีความหลากหลายแยกย่อยรวมไปถึงใครต่อใครก็ต้องการ Share สิ่งต่างๆระหว่างกัน การเล็งเห็นช่องทางธุรกิจในการทำโฆษณาในเว็บ Social Networking ทำให้เว็บประเภทนี้เป็นที่สนใจและถูกจับตามองอย่างมาก
    กลับสู่ด้านบน

    ระ น์ สั น์
    1.เราสามารถใช้เว็บเหล่านี้เป็นเครื่องมือในการสื่อสารข้อความต่างๆ ไม่ว่าของตนเอง
    หรือขององค์กรออกไปยังคนกลุ่มหนึ่ง โดยที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายทางด้านการตลาดแต่อย่างใด บางคนก็เรียกเป็นกลยุทธ์ปากต่อปาก หรือ Viral Marketing ที่เมื่อเราโพสต์ข้อความบางประการลงไปในเว็บสังคมออนไลน์เหล่านี้ คนจำนวนมากที่เป็น "เพื่อน"ของเราหรือติดตามเราอยู่ ก็จะได้รับข้อมูลเหล่านั้น และถ้าข้อความดังกล่าวมีความน่าสนใจ ข้อความดังกล่าวก็จะถูกสื่อสารต่อออกไปเรื่อยๆ อย่างเช่น Twitter ของนายกฯ และอดีตนายกฯ ที่ต่างก็พยายามใช้สื่อนี้ในการทำ Viral Marketing อย่างกรณีของอดีตนายกฯ นั้น ก็เขียนไว้ใน Twitter ของตนเองว่า "เมื่อวานนี้ได้รับสิทธิทำลอตเตอรี่ในอูกานดาเพื่อนำรายได้มาคัดเด็กเก่งๆ ส่งไปเรียนต่างประเทศบางคนก็จะส่งมาเรียนในไทย รวมทั้งส่งเสริมฟุตบอลด้วย" ในขณะที่ Twitter ของนายกฯ ปัจจุบัน ก็เขียนไว้ว่า "เปิดตัวเว็บไซต์ประจำตัวนายกรัฐมนตรีไทย และเพิ่มช่องทางสื่อสารใหม่ของประชาชนผ่านทาง " ซึ่งเชื่อว่านักข่าวก็ติดตาม Twitter ของบุคคลทั้งสอง เพื่อที่จะได้เผยแพร่นำข้อมูลเหล่านี้ไปเผยแพร่ผ่านทางสื่อมวลชนอีกต่อไป
    2.นอกจากจะเป็นสื่อในการส่งข้อความแล้ว เรายังสามารถใช้เว็บสังคมออนไลน์เป็นที่
    ที่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเกี่ยวกับองค์กรที่เราทำงาน เกี่ยวกับสินค้าหรือบริการที่เราใช้ หรือเกี่ยวกับการเมือง ผมเองลองพิมพ์ค้นหาคำว่า Abhisit ลงไปใน Twitter ก็จะเจอความเห็นใน Twitter ของประชาชนทั่วๆ ไปทั้งในเชิงบวกและลบเกี่ยวกับนโยบายและกิจกรรมของท่านนายกฯ หรือพอพิมพ์คำว่า McDonald ลงไปใน Twitter ก็จะเจอความเห็นเกี่ยวกับสินค้าของ McDonald อยู่เต็มไปหมด ดังนั้น ถ้าใช้ให้ดีๆ แล้วสังคมออนไลน์เหล่านี้ จะกลายเป็นช่องทางในการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสินค้าและบริการต่างๆ ซึ่งไม่ช้าไม่นาน องค์กรต่างๆ ก็คงต้องหาคนมาคอยเฝ้าเว็บสังคมออนไลน์เหล่านี้ เพื่อคอยสืบและติดตามข่าวเกี่ยวกับองค์กรตนเอง
    กลับสู่ด้านบน

    S o c a i l   N e t w o r k ใน ยุ อิ ร์ น็ 2 . 0
    1.บทบาทของSocial Network ในยุคอินเทอร์เน็ต 2.0Web 2.0 เป็นคำที่ถูกคิดขึ้นมา
    อธิบายลักษณะของเทคโนโลยีwww และการออกแบบเว็บไซต์ในปัจจุบัน ที่มีลักษณะเด่นต่างจาก Web 1.0 คือการพัฒนาให้ผู้พัฒนาและผู้ใช้งานสามารถเพิ่มข้อมูล โต้ตอบซึ่งกันและกันได้อย่างสะดวกรวดเร็ว มีการแบ่งปันข้อมูลที่ง่ายขึ้น และยังสามารถปรับปรุงข้อมูลต่างๆได้โดยผู้ใช้งานเองอีกด้วย เช่น Hi5 เราสามารถหาเพื่อนได้ทั่วโลก หรือว่าจะหาเพื่อนเก่าสมัยเรียนมัธยม โดยการเข้ากลุ่มโรงเรียนเก่าและโพสต์ข้อความลงยังบอร์ดของกลุ่ม และสามารถแลกเปลี่ยนไฟล์วิดีโอของตัวเอง ให้คนอื่นเข้ามาชมและแสดงความคิดเห็นได้ ดังเช่นใน เว็บ youtube.com
    2.ก้าวสู่การบริโภคข้อมูลข่าวสารที่เปลี่ยนไปการเข้ามาของ social networking
    ทำให้เราตระหนักถึงพฤติกรรมการบริโภคข้อมูลข่าวสารที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภคอย่างเราๆ มีการวิจัยพบว่า 86% ของผู้บริโภคไม่เชื่อในสิ่งที่แบรนด์พูด แต่หันมาเชื่อในสิ่งที่คนด้วยกันพูดมากกว่า อีกทั้งรูปแบบพฤติกรรมของเด็กรุ่นใหม่จะชื่นชอบ DIY หรือ Do it yourself โดยจะเห็นได้จากการเข้ามาของ web 2.0 ที่เปิดโอกาสให้ผู้บริโภคได้มีโอกาสสร้างคอนเทนต์ของตัวเองได้ เข้ากับสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการจะสื่อสารตัวตนออกไป
    ดร.เปี่ยมสุข เมนะเศวต นักวิชาการด้านสตรีศึกษาและจิตวิทยา เคยกล่าวไว้ในหนัง
    สือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจว่า hi5 เป็นวัฒนธรรมที่ได้รับความนิยมขึ้นมาช่วงขณะหนึ่ง ซึ่งปัจจุบันกำลังเข้าสู่ช่วงอิ่มตัว และต่อไปจะเป็นช่วง decline และจะอยู่จนกว่ามีเทคโนโลยีแบบใหม่เข้ามาแทนที่ แต่ถึงกระนั้น hi5 คงยังไม่ตายไปจากตลาด แต่จะเข้าสู่การตลาดรูปแบบอื่นแทน “อินเทอร์เน็ตเข้ามาเร็วมากช่วงยุค globalization ทำให้เด็กไม่สามารถกลั่นกรองเว็บต่างๆ เลยกลายเป็นเหยื่อนายทุน โดยเฉพาะเด็กในแถบเอเชียที่นิยมเล่นคอมพิวเตอร์มาก หากเทียบกับเด็กในยุโรปจะนิยมการเดินทางท่องเที่ยวมากกว่า ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเด็กไทยถูกกดดันจากสภาพของวัฒนธรรมที่ไม่สามารถแสดง ตัวตนที่แท้จริงเมื่ออยู่ในที่สาธารณะได้ ดังนั้นฟังก์ชัน มือถือ คอมพิวเตอร์ จึงเป็นสื่อเพื่อแสดงความเป็นตัวตนแทน รวมถึงเจเนอเรชั่นนี้มีอารมณ์เหงาอย่างรุนแรง เพราะทุนนิยมที่สร้างให้คนอยู่แบบตัวใครตัวมัน คนจึงเหงามากขึ้นและต้องการหาคนมาอยู่ด้วย ประกอบกับวัยรุ่นเป็นวัยที่ต้องการการยอมรับจากกลุ่มเพื่อน ซึ่ง hi5 เมื่อเล่นแล้วได้เพื่อน ได้สิ่งอื่นๆ ในลักษณะ full option คนจึงนิยมมาก” เมื่อก่อนเวลาลงโฆษณาจะลงช่วงไพรมไทม์ ปัจจุบันเป็นเรื่องของ my time กลายเป็นว่าทำโฆษณาก็ต้องตามไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค ที่ผ่านมาสื่อที่คนส่วนมากรับคือ ทีวี หนังสือพิมพ์ แมกาซีน วิทยุ แต่เดี๋ยวนี้ชีวิตเปลี่ยนไป ออกจากบ้านขึ้นรถไฟฟ้า พอถึงที่ทำงานก็เล่นเน็ต เช็กอีเมล์ บางคนแทบจะไม่ได้ดูทีวีเลย เราก็มองเห็นว่าจะมี contact point มีจุดที่เราจะเข้าไปสื่อสารกับคนมากขึ้น อาจจะเป็นอินเทอร์เน็ต สื่อบนรถไฟฟ้า สื่อนอกบ้าน ดังนั้นวิธีการคิดก็เปลี่ยนไป เดิมลูกค้าจะบอกว่าต้องมีทีวี วิทยุ แต่เดี๋ยวนี้ต้องมีอินเทอร์เน็ต ดังนั้นเทรนด์ออนไลน์ก็ไม่แค่อีเมล์ แบนเนอร์เท่านั้น แต่นักโฆษณาก็พยายามเข้าไปใน social networking ยังไงให้เหมาะ ให้ตรง และให้เนียน เห็นได้ว่ากลยุทธ์ที่จะสามารถใช้ได้จากประโยชน์ของ social networking ที่น่าสนใจในตอนนี้คือ word of mouth หรือการบอกปากต่อปาก เนื่องจากกลุ่มคนที่อยู่ในสังคมเดียวกันจะเชื่อคำพูดของคนในกลุ่มมากกว่า สื่อโฆษณา และเชื่อคนที่มีอิทธิพลต่อตัวเอง อาจเป็นดารา เซเลบริตี้ หรือเพื่อนๆ และยังใช้ experience marketing เพื่อการสร้างประสบการณ์ให้กลุ่มเป้าหมาย โดยให้ผู้ใช้งานมีปฏิสัมพันธ์กับสินค้าได้ด้วยตัวเอง
    กลับสู่ด้านบน

    ตั ย่า S o c i a l   N e t w o r k
    1.My Space, Hi5, Facebook – เผยแพร่ “ตัวตน”
    เว็บไซต์เหล่านี้ใช้สำหรับนำเสนอตัวตน และเผยแพร่เรื่องราวของตนเองทางอินเตอร์เน็ต สร้างเครือข่ายเพื่อนเก่าและหาเพื่อนใหม่เพื่อส่งข้อความแลกเปลี่ยนความ สนใจซึ่งกันและกัน เช่น Facebook เว็บยอดนิยมของผู้ใช้ทั่วโลกมีลูกเล่นต่างๆมากมาย เมนูใช้งานเป็นภาษาอังกฤษ, Hi5 เว็บยอดฮิตของคนไทย ใครไม่มี Hi5 อาจโดนล้อว่าตกยุค!, Myspace ซึ่งศิลปินส่วนใหญ่ใช้เป็นช่องทางในการติดต่อกับแฟนคลับและโปรโมทผลงาน, Clubpenguin สังคมออนไลน์สำหรับเด็ก, Qoolive เว็บ Social Networking สัญชาติไทย หรือเว็บเช่น Friendster, Bebo เป็นต้น


    2.YouTube,Yahoo VDO,Google VDO,Multiply – เผยแพร่ “ผลงาน”
    เราสามารถใช้เว็บไซต์เหล่านี้ในการนำเสนอผลงานของตัวเองได้อย่างง่ายดายเลย ครับ ไม่ว่าจะเป็นวีดีโอ รูปภาพ หรือเสียงเพลง อย่างเช่นคลิปวิดีโอ Canon Rock ของเด็กธรรมดาคนหนึ่งที่ เอากีต้าร์มาโซโล่เพลงคลาสสิคให้เป็นเพลงร็อค โดยถ่ายทำในห้องนอนของตัวเองอย่างง่ายๆ และได้นำไปเผยแพร่ผ่านทาง YouTube จนโด่งดังไปทั่วโลก เป็นตัวอย่างที่เห็นชัดเลยครับว่าเว็บไซต์ประเภท VDO Sharing นี้สามารถเผยแพร่ผลงานได้ดี สำหรับช่างภาพ หรือตากล้องคนไทยหลายคนก็มักจะนิยมใช้ Multiply ในการนำเสนอผลงานภาพถ่ายของตัวเอง มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ติชมรูปภาพกัน และยังใช้เป็นอัลบั้มภาพออนไลน์เพื่อให้คนที่กำลังหาช่างภาพอยู่สามารถเข้า มาดูผลงาน และติดต่อจ้างช่างภาพคนนั้นได้โดยตรงเลย


    3.Skype, BitTorrent – Peer to Peer (P2P)
    P2P เป็นการเชื่อมต่อกันระหว่าง Client (เครื่องผู้ใช้, เครื่องลูกข่าย) กับ Client โดยตรง โปรแกรม Skype จึงได้นำหลักการนี้มาใช้เป็นโปรแกรมสนทนาผ่านอินเตอร์เน็ต และก็มี BitTorrent เกิดขึ้นมาเป็นเทคโนโลยีที่ทำให้เกิดการแบ่งปันไฟล์ต่างๆ ได้อย่างกว้างขวาง และรวดเร็ว แต่ทว่ามันก็ก่อให้เกิดปัญหาเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ตามมา


    4.SecondLife, World WarCraft – โลกเสมือน
    สองตัวอย่างของโลกเสมือนนี้ มันก็คือเกมส์ออนไลน์นั่นเองครับ SecondLife เป็นโลกเสมือนจริง สามารถสร้างตัวละครโดยสมมุติให้เป็นตัวเราเองขึ้นมาได้ ใช้ชีวิตอยู่ในเกมส์ อยู่ในชุมชนเสมือน (Virtual Community) สามารถซื้อขายที่ดิน และหารายได้จากการทำกิจกรรมต่างๆ ได้
    กลับสู่ด้านบน

    ข้ ดี- ข้ สี สั น์
    1.ข้อดี คือ การใช้ Social Networkเป็นพื้นที่ฟรี มีค่าใช้จ่ายน้อยแต่ก็วัดผลได้ยาก
    สามารถวัดได้แค่การรับรู้ของคน แต่ในระดับของการตัดสินใจซื้อก็ต้องใช้การวัดอย่างอื่น และเนื่องด้วย social networking อยู่ในกระแส เมื่อทำอะไรไปก็จะกระตุ้นให้เกิดการรับรู้ได้ง่าย และมีคนเข้ามาดูแน่ๆ แต่ก็ยากตรงที่ไม่สามารถลงเป็นดิสเพลย์ แบนเนอร์ ความยากของการทำให้เนียน และผู้บริโภคไม่ให้ความรู้สึกต่อต้านเหมือนกับเวลาที่ดูโฆษณา คนเข้ามารับรู้ข้อมูลกับแบรนด์โดยไม่รู้สึกว่าเป็นโฆษณามากเกินไป คนก็เปิดใจที่จะทำความรู้จักกับแบรนด์ได้ และทำให้เกิดการบอกต่อและพูดต่อได้
    2.ข้อเสีย คือ Social Network เป็นสังคมออนไลน์ที่กว้าง ถ้าผู้ใช้ขาดวิจารณญาณ
    หรือไม่ระมัดระวัง อาจโดนล่อลวงผ่านอินเทอร์เน็ต เพื่อจุดประสงค์ร้าย กรณีผู้ใช้บริการไม่ระมัดระวังในการกรอกข้อมูล อาจถูกผู้ไม่หวังดีนำไปใช้ในทางเสียหาย หรือละเมิดสิทธิส่วนบุคคลได้ เพราะมีเว็บไซต์ ผู้ให้บริการบางแห่งอาจจะเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวมากเกินไป เนื่องจาก Social Network Service เป็นสื่อในการเผยแพร่ผลงาน รูปภาพต่างๆ ของเราให้บุคคลอื่นได้ชมและแสดงความคิดเห็น อาจเป็นช่องทางในการถูกละเมิดลิขสิทธิ์ ขโมยผลงาน หรือถูกแอบอ้างได้
    กลับสู่ด้านบน

    สา ระ วา รู้ เกี่ กั สั น์
    Social Networkingนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความร่วมมือกัน การแบ่งปันการแลกเปลี่ยน
    ความรู้ ข้อมูล ข่าวสาร ความบันเทิงเป็นเครือข่ายระหว่างหน่วยเล็กๆ ที่เชื่อมโยงกันจนเกิดเป็นสังคมออนไลน์ขนาดใหญ่ ที่ได้เปลี่ยนวิถีทางในการเปลี่ยนแปลงโลกของเรา และเราก็สามารถนำ Social Network มาสร้างประโยชน์ให้กับธุรกิจของเราได้อีกด้วย ปัจจุบันมีผู้นิยมสมัครสมาชิกกับเว็บ Social Networking ต่างๆมากมายทำให้มีผู้ใช้ที่หลากหลาย จนบางครั้งยากจะควบคุมดังที่ปรากฏเป็นข่าวว่าพบการหลอกลวง หรือใช้ไปทางที่เสื่อมเสียไม่เหมาะสม โดยเฉพาะกับเยาวชนที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ขาดวุฒิภาวะในการตัดสินใจเรื่องต่างๆหลายฝ่ายควรจะช่วยกันดูแลไม่ว่าจะเป็น webmaster เจ้าของเว็บไซต์ด้วยการจัดเรต จัดกรุ๊ป กำหนดอายุผู้ใช้ที่ชัดเจน กำหนดกฎเกณฑ์การใช้งานร่วมกัน ผู้ปกครองที่ต้องคอยสอดส่องดูแลพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ตของบุตรหลาน หรือติดตั้งโปรแกรมป้องกันบุตรหลานใช้งานเว็บที่ไม่เหมาะสม หรือแนะนำให้บุตรหลานเป็นสมาชิกกับเว็บสำหรับเด็กโดยเฉพาะ รวมไปถึงผู้ใช้เองที่ต้องช่วยกันดูแลพื้นที่ชุมชนออนไลน์แห่งนี้ให้อยู่ใน ครรลองครองธรรมและคงเป็นแหล่งแลกเปลี่ยนความรู้และข้อมูลจำนวนมหาศาลเพื่อ ประโยชน์ร่วมกันของทุกๆฝ่าย
    อย่างไรก็ตามแม้ว่าการวิเคราะห์เครือข่ายสังคม จะช่วยให้เราเข้าใจถึงความสัมพันธ์
    ที่มีอยู่ในสังคม อันนำไปสู่ความเข้าใจเกี่ยวกับกลุ่มที่ไม่เป็นทางการ (Informal Group) องค์กรทางสังคม (Social Organization) และโครงสร้างทางสังคม (Social Structure) ลักษณะความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าว สามารถนำมาใช้อธิบายพฤติกรรมของบุคคลได้ แต่ในปัจจุบันความรู้เกี่ยวกับแนวความคิดเรื่องเครือข่ายทางสังคม และการวิเคราะห์เครือข่ายสังคมในประเทศไทยยังคงอยู่ในวงจำกัด ยังมิได้นำเอาวิธีการวิเคราะห์เครือข่ายทางสังคมมาใช้อธิบายพฤติกรรมต่างๆ ทางสังคมเท่าที่ควร ทำให้ขาดความเข้าใจถึงกระบวนการต่างๆ อีกมากที่เกิดขึ้นในสังคม ดังนั้น หากเข้าใจถึงวิธีการศึกษาวิเคราะห์เครือข่ายสังคมแล้ว เราสามารถที่จะนำมาใช้อธิบายพฤติกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมได้
    กลับสู่ด้านบน

    ก่อนหน้า
    ไม่มีบทความ
    ไม่มีบทความ